เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนครบาล 3 บุกจับกุมหญิงสาวชาวลาว 3 ราย หลังสืบทราบว่ามีการโฆษณาขายบริการทางเพศผ่านสื่อออนไลน์ โดยใช้ภาพหญิงสาวหน้าตาดีที่ไม่ใช่ตัวจริงหลอกล่อให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ซึ่งมีหนุ่มรายหนึ่งที่รู้สึกผิดหวังอย่างหนักจากการซื้อบริการแล้วพบว่าไม่ตรงปก จึงตัดสินใจเข้าแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่จนสามารถนำไปสู่การจับกุมได้ในที่สุด
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 พล.ต.ต.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ดูแลงานสืบสวน) และ พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบก.น.3 เข้าตรวจค้นรีสอร์ตแห่งหนึ่งในย่านหทัยราษฎร์ หลังได้รับข้อมูลร้องเรียนจากประชาชนว่ามีกลุ่มหญิงสาวชาวต่างชาติเปิดรับงานค้าประเวณีทางออนไลน์
จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมโฆษณาขายบริการทางเพศผ่านแอปพลิเคชัน X (เดิมคือ Twitter) โดยโพสต์ภาพหญิงสาวหน้าตาดีพร้อมระบุสัดส่วนและราคาค่าบริการ พร้อมทิ้งไอดีไลน์ไว้ให้ลูกค้าติดต่อ เมื่อลูกค้าสนใจจะได้รับภาพเพิ่มเติมและพิกัดที่พักเพื่อเข้าใช้บริการ ซึ่งหนุ่มผู้เสียหายที่เข้าใช้บริการแล้วพบว่าไม่ตรงกับภาพที่โฆษณาไว้ จึงได้แจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ติดตาม
เจ้าหน้าที่จึงวางแผนล่อซื้อและเข้าไปยังรีสอร์ตตามพิกัดที่ได้รับ พบหญิงสาวชาวลาว 3 ราย คือ น.ส.ใบเตย อายุ 27 ปี, น.ส.แนน อายุ 27 ปี และ น.ส.แป้ง อายุ 31 ปี ตรวจค้นภายในห้องพักพบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง ถุงยางอนามัย 60 ชิ้น และเจลหล่อลื่นจำนวนหนึ่ง
จากการสอบสวนทั้งหมดรับสารภาพว่าใช้รูปภาพของหญิงสาวคนอื่นที่มีหน้าตาสวยงามและรูปร่างใกล้เคียงกับตนเองมาโพสต์โฆษณาบนแอปพลิเคชัน X เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้า เมื่อมีคนติดต่อเข้ามาผ่านไลน์ก็จะเสนอราคาค่าบริการในราคาย่อมเยาเพื่อโน้มน้าวให้ลูกค้าตัดสินใจ แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ตรงตามภาพโฆษณา แต่ลูกค้าหลายคนก็ยังยอมใช้บริการ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งสามพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีในข้อหา “เป็นผู้โฆษณา หรือชักชวน หรือแนะนำด้วยเอกสาร สิ่งพิมพ์ หรือกระทำให้แพร่หลายด้วยวิธีใดไปยังสาธารณะ ในลักษณะที่เห็นได้ว่าเป็นการเรียกร้องหรือการติดต่อเพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น” ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 7 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
