ท่ามกลางความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เหล่าทหารผู้เสียสละยังคงยืนหยัดปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ แม้ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของพวกเขาจะกำลังเผชิญกับช่วงเวลาสำคัญของชีวิตที่รอคอยอยู่เบื้องหลัง
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Wann SP” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “คุณหวาน” พยาบาลประจำโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี ได้เผยแพร่เรื่องราวที่สร้างความซาบซึ้งใจผ่านโพสต์ภาพจดหมายเขียนด้วยลายมือจาก “จ่าเอ็ม” นายทหารผู้กำลังปฏิบัติหน้าที่แนวหน้า
จ่าทหารฝากความห่วงใยผ่านจดหมาย
ในจดหมายดังกล่าว จ่าเอ็มเขียนฝากเพื่อนทหารว่า
“ฝากบอกหมวดเอก ให้ติดต่อพี่หวาน ให้คอยช่วยติดต่อแฟนผมด้วยนะครับ ตอนนี้ใกล้คลอดแล้ว วันที่ 31 ก.ค. ต้องไปนอน รพ.ตามนัด ผ่าวันที่ 1 แต่กลัวไม่มีคนพาไป ไม่มีใครดูแล เพราะยังมีลูกเล็กอีกคนอยู่ ขอบคุณจากแนวหน้า ม้าศึก”
ถ้อยคำเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความห่วงใยต่อภรรยาและลูก ทำให้ผู้ที่ได้อ่านรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง
น้ำใจจากแนวหลังถึงแนวหน้า
คุณหวานผู้ได้รับจดหมายดังกล่าว ได้โพสต์ความรู้สึกบอกเล่าผ่านเฟซบุ๊กว่า
“จดหมายจากแนวหน้า… ลูกก็จะคลอด รบกับเขมรก็ต้องรบ อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย ไม่รู้จะตอบกลับยังไง อยากให้รู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะ พยาบาลคนนี้จะดูแลครอบครัวแทนให้อย่างดีที่สุด ขอบคุณที่เสียสละเพื่อประเทศชาติแทนพวกเรา”
หลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลจำนวนมากต่างเข้ามาแสดงความรู้สึก พร้อมส่งกำลังใจทั้งให้ภรรยาของจ่าเอ็มที่ใกล้คลอด และขอให้จ่าเอ็มปลอดภัยกลับมาหาครอบครัวโดยเร็วที่สุด
ลูกสาวลืมตาดูโลกปลอดภัย
ต่อมา คุณหวานได้อัปเดตสถานการณ์เพิ่มเติมว่า
“ขอบคุณทุกความห่วงใยแทนน้องด้วยนะคะ สรุปน้องต้องเข้าผ่าตัดคลอดในวันนี้ เวลา 19.00 น. และได้ลูกสาว”
พร้อมแนบภาพจากห้องคลอด โดยเขียนว่า
“น้องคลอดแล้ววันนี้ค่ะ แข็งแรงปลอดภัยทั้งแม่และลูก ขอบคุณทุกท่านแทนน้องและครอบครัว ส่วนคุณพ่อคงยังไม่รู้ว่าลูกลืมตาดูโลกแล้ว เนื่องจากอยู่แนวหน้าไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ แต่เชื่อว่าเมื่อรู้ข่าว จ่าเอ็ม ม้าศึก จะต้องดีใจมากแน่นอนที่มีคนคอยห่วงใยครอบครัวขนาดนี้”
กำลังใจจากคนไทยทั้งประเทศ
จากเรื่องราวดังกล่าว ชาวไทยจำนวนมากร่วมส่งข้อความแสดงความยินดี พร้อมทั้งขอบคุณและให้กำลังใจทหารผู้เสียสละทุกนายที่แนวหน้า เพื่อให้พวกเขาปลอดภัยและได้กลับมากอดครอบครัวอย่างอบอุ่นในเร็ววัน เรื่องนี้จึงไม่เพียงสะท้อนความรักของครอบครัวทหารเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความผูกพันและน้ำใจของผู้คนที่ส่งต่อถึงกันในยามวิกฤตอีกด้วย.




