อดีตนักแสดงหนังผู้ใหญ่ชาวญี่ปุ่น โอโตมิ มิอง (Mion Otomi) เปิดใจถึงผลกระทบจากอาชีพเก่าที่ส่งผลต่อชีวิตรักของเธอ หลังถูกแฟนหนุ่มพูดชมเพียงประโยคเดียว แต่กลับกลายเป็นบาดแผลในใจที่ยากลืม
โอโตมิ มิอง เผยว่า ช่วงที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแฟนหนุ่ม เธอกลับถูกชมว่า “ไม่เสียแรงที่เป็นมืออาชีพ” ประโยคนี้ทำให้เธอถึงกับช็อก เพราะแทนที่จะรู้สึกได้รับการยอมรับในความรัก กลับกลายเป็นถูกมองว่าเป็นแค่วัตถุทางเพศ
จุดเริ่มต้นสู่วงการ AV ที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
ก่อนเข้าสู่วงการ เธอเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาที่มีประสบการณ์ความรักเพียง 2 ครั้ง และแทบไม่รู้จักโลกของหนังผู้ใหญ่ แต่เมื่อได้รับข้อเสนอจากต้นสังกัด และเห็นว่ามีผู้หญิงหน้าตาดีหลายคนเข้ามาในวงการนี้ เธอจึงตัดสินใจเซ็นสัญญา
อย่างไรก็ตาม เส้นทางนักแสดง AV ของโอโตมิ มิอง อยู่ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น เธอต้องยุติอาชีพท่ามกลางแรงกดดันและคำวิพากษ์วิจารณ์มหาศาล ถึงแม้จะมีเสียงชื่นชมมากมาย แต่เพียงคำตำหนิรุนแรงเพียงประโยคเดียวก็ทำให้เธอรู้สึกหมดกำลังใจ
เธอย้ำว่า “ถึงจะมีคนชื่นชมเป็นร้อย แต่แค่คำตำหนิร้ายกาจเพียงคำเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้อารมณ์ของฉันดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด”
บาดแผลในชีวิตรักจากอดีตที่ลบไม่ออก
การเป็นอดีตนักแสดง AV กลายเป็นตราบาปที่ตามหลอกหลอนชีวิตรักของเธอ แม้บางคนจะชื่นชมในความตรงไปตรงมา แต่กลับปฏิเสธที่จะสานต่อความสัมพันธ์ ในขณะที่บางคนเมื่อมีความใกล้ชิด กลับใช้ถ้อยคำเยาะเย้ย เช่น “เทคนิคของเธอดีจริง” หรือ “ไม่เสียแรงที่เป็นมืออาชีพ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้โอโตมิ มิอง รู้สึกว่าฝ่ายชายสนใจเพียงร่างกาย ไม่ได้เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์หรือหัวใจของเธอเลย และสิ่งนี้ได้สร้างบาดแผลที่ฝังลึกในจิตใจ
ภาพลักษณ์ที่สังคมตีตรา
ไม่เพียงแค่ชีวิตรัก แม้กระทั่งเพื่อนสนิทของเธอก็ถูกเหมารวมว่าเป็น “เพื่อนของนักแสดง AV” จนทำให้เธอรู้สึกผิดและเคยเกือบถึงขั้นคลุ้มคลั่ง
แต่ในที่สุด ช่วงเวลามืดมนเหล่านั้นก็ผ่านไปได้ เธอได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารและคนรอบข้าง จนสามารถก้าวข้ามความเจ็บปวดและกลับมามีแรงใจอีกครั้ง
ก้าวต่อไปด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง
ปัจจุบัน โอโตมิ มิอง เลือกที่จะมองอนาคตด้วยทัศนคติใหม่ เธอบอกกับตัวเองว่า “ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องใช้ชีวิตให้มีความสุข” และตั้งใจที่จะตอบแทนความรักจากแฟน ๆ ด้วยความพยายามและเส้นทางใหม่ที่เธอเลือกเอง
เรื่องราวของเธอไม่เพียงสะท้อนบาดแผลที่อดีตสร้างไว้ แต่ยังตอกย้ำถึงแรงกดดันทางสังคมที่คนเคยอยู่ในวงการ AV ต้องเผชิญ พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้กับใครก็ตามที่พยายามก้าวผ่านอดีตและหาทางเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง



