หากพูดถึง “เจมส์ เอิร์ลแห่งเวสเซ็กซ์” หลายคนอาจจะนึกถึงพระราชนัดดาองค์เล็กของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่สื่ออังกฤษต่างขนานนามว่า “หลานรักควีน” จุดเด่นของพระองค์ไม่ใช่การถือยศหรือบทบาทเจ้าชายในสังคม แต่เป็นการเลือกใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมดา ซึ่งสะท้อนภาพราชวงศ์อังกฤษยุคใหม่ที่ให้คุณค่ากับความเรียบง่ายมากกว่าตำแหน่ง
ไม่ขอใช้พระยศเจ้าชาย แม้มีสิทธิ์แต่กำเนิด
เจมส์ หรือชื่อเต็มว่า James Alexander Philip Theo Mountbatten-Windsor ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2007 เป็นพระโอรสของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเอดินบะระ และโซฟี ดัชเชสแห่งเอดินบะระ ตามกฎของราชวงศ์อังกฤษ เจมส์มีสิทธิ์ดำรงพระยศเจ้าชายพร้อมคำนำหน้า HRH (His Royal Highness) ตั้งแต่แรกเกิด แต่พระบิดาและพระมารดากลับตัดสินใจไม่ให้ลูกชายใช้ตำแหน่งดังกล่าว เพื่อให้เขาเติบโตในแบบปกติ หลีกเลี่ยงแรงกดดันจากสังคมและสื่อ
ช่วงแรกเจมส์ถูกเรียกว่า “ไวเคานต์เซเวิร์น” (Viscount Severn) จนกระทั่งปี 2023 หลังบิดาได้รับแต่งตั้งเป็นดยุกแห่งเอดินบะระ เขาจึงได้รับการเรียกขานอย่างเป็นทางการว่า “เอิร์ลแห่งเวสเซ็กซ์”
ความผูกพันพิเศษกับควีนเอลิซาเบธที่ 2
สื่ออังกฤษรายงานตรงกันว่า เจมส์คือหนึ่งในพระราชนัดดาที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงโปรดมากที่สุด ด้วยความใกล้ชิดและความเป็นธรรมชาติ เขามักได้ใช้เวลาร่วมกับควีนที่พระตำหนักบัลมอรัล ทั้งการตกปลา ปิ้งบาร์บีคิว ขี่ม้า หรือแม้กระทั่งการขับรถ Land Rover ในพื้นที่ส่วนพระองค์
มีบันทึกเล่าว่า ควีนเคยตรัสถึง “หลานชายวัย 9 ขวบที่ชอบขับรถในสนามอยู่เสมอ” ซึ่งหลายคนเข้าใจตรงกันว่าหมายถึงเจมส์ และต่อมาก็มีภาพยืนยันเมื่อเขาปรากฏตัวขับรถในพระราชวังวินด์เซอร์ ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและไว้เนื้อเชื่อใจ
ครอบครัวที่เป็นต้นแบบให้ราชวงศ์รุ่นใหม่
แม้จะไม่ปรากฏในภารกิจทางการ แต่ครอบครัวเอ็ดเวิร์ด–โซฟีก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นแบบอย่างของราชวงศ์ยุคใหม่ โดยเน้นการเลี้ยงลูกแบบเรียบง่าย ไม่เน้นสถานะเจ้านาย พระโอรสและพระธิดาจึงไม่ได้เข้าโรงเรียนประจำ แต่เรียนในระบบปกติ ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และใช้เวลาครอบครัวเป็นหลัก
เจมส์เคยศึกษาในโรงเรียน Eagle House และปัจจุบันเรียนอยู่ที่ Radley College โรงเรียนชายล้วนชื่อดังใน Oxfordshire โดยพ่อแม่ตั้งใจไม่ให้บุตรชายรับอภิสิทธิ์จากการเป็นเชื้อพระวงศ์ เพื่อให้เขาเติบโตด้วยความเข้าใจชีวิตจริง
แนวทางนี้ยังใกล้เคียงกับเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคเธอรีน ที่อยากให้ลูกๆ ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ส่งผลให้สองครอบครัวมีความสนิทสนมและมักแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการเลี้ยงดูบุตรอยู่เสมอ
เส้นทางในอนาคต: ชีวิตปกติ หรือบทบาทใหม่ในราชวงศ์
แม้เจมส์จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ และไม่มีสถานะ “working royal” แต่เขาเคยปรากฏตัวในงานสำคัญตั้งแต่ยังเด็ก เช่น พิธี Trooping the Colour หรือพิธีพระศพของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 2022 ที่เขาแสดงออกด้วยความสำรวมและสง่างาม
อนาคตของเจมส์ยังเปิดกว้าง เขาอาจเลือกเส้นทางชีวิตที่ไม่ข้องเกี่ยวกับราชวงศ์มากนัก หรือในอีกมุมหนึ่ง หากราชวงศ์ต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจทั้งวิถีธรรมดาและบทบาทเชื้อพระวงศ์ เจมส์ก็อาจกลายเป็นตัวแทนที่เหมาะสม
สำหรับตำแหน่งดยุกแห่งเอดินบะระที่บิดาครองอยู่นั้น เป็นตำแหน่งตลอดชีวิต ไม่ได้ตกทอดโดยอัตโนมัติ เมื่อสิ้นพระชนม์ ตำแหน่งจะคืนกลับสู่พระมหากษัตริย์ แต่ก็ไม่ปิดโอกาสหากในอนาคตมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งใหม่
บทสรุป
“เจมส์ เอิร์ลแห่งเวสเซ็กซ์” ไม่ใช่เจ้าชายในแบบที่ใครคาดหวัง แต่กลับเป็นภาพสะท้อนของราชวงศ์อังกฤษยุคใหม่ ที่ลดความสำคัญของยศศักดิ์ และเน้นคุณภาพชีวิตที่สมดุล เขาอาจไม่ได้เป็นที่รู้จักต่อหน้ากล้องมากนัก แต่เบื้องหลังคือหลานรักของควีน ผู้เปี่ยมด้วยความผูกพัน ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา และอาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ราชวงศ์อังกฤษก้าวไปสู่ยุคใหม่ที่เข้าถึงผู้คนมากขึ้น



